Q. คุณกำลังอ่านหนังสืออยู่เลย ฉันรู้มาว่าคุณคือนักอ่านตัวยงแต่ก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณอ่านเล่มนี้
ชางมิน: ทุก ๆ ต้นปี ผมจะติดตามเทรนด์ต่าง ๆ ครับ เป็นแบบนี้มา 3-4 ปีแล้ว ช่วงกลางปีผมก็จะทำแบบนี้ด้วยเหมือนกัน แต่มันไม่ง่ายเลยครับ
Q. คุณสนุกกับการอ่านหนังสือมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มากกว่าหนังสือวรรณกรรมใช่ไหม?
ชางมิน: ใช่ครับ เมื่อถึงจุดนึงผมพบว่ามันน่าสนใจขึ้นครับ ไม่ว่าจะดูข่าวหรือภาพยนตร์ผมยิ่งได้เรียนรู้มากเท่าไหร่ มุมมองและการตีความก็จะหลากหลายมากขึ้นไปอีก ผมจะไม่ได้มองแค่มุมใดมุมนึงแต่จะมองไปยังผลที่ตามมาด้วย ผมพยายามที่จะไม่มีมุมมองที่เอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป
Q. บนโซเชียลมีเดียจะมีแค่สิ่งที่คุณอยากดู หรือยูทูบที่จะแนะนำวีดีโอจากสิ่งที่คุณชอบเป็นหลัก ทุกวันนี้เราได้ยินเฉพาะเรื่องที่เราอยากฟัง และเป็นเพื่อนกับคนที่มีมุมมองคล้ายกัน
ชางมิน: ผมเห็นด้วยครับ อัลกอริทึ่มจะโชว์แค่สิ่งที่คล้าย ๆ กับที่เราเคยดูไปแล้ว มันก็สะดวกไปอีกแบบแต่มันก็ง่ายมากที่จะทำให้เราสูญเสียความหลากหลายไป แม้จะต้องใช้ความพยายามแต่ก็ต้องลองมองหาความคิดเห็นที่แตกต่างด้วย
Q. จาก “Devil” สู่ “Fever” การโปรโมตมินิอัลบั้มที่สองไใกล้สิ้นสุดลงแล้ว นี่เป็นโซโล่อัลบั้มในรอบ 1 ปี 9 เดือน ให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่?
ชางมิน: แน่นอนว่าผมไม่ได้พอใจไปกับทุกอย่างหรอก แต่ก็มีความสุขกับมันนะ การทำอัลบั้มนี้ใช้เวลาไป เป็นปี และใช้เวลามากมายไปกับการเลือกเพลง เพราะตอนนี้ที่บริษัทก็มีศิลปินหลายคนเลยต้องมีการหลีกให้กันในเรื่องการปล่อยอัลบั้ม ผมไม่ได้อยากถูกผูกมัดด้วยสิ่งนั้น อยากจะทำอัลบั้มที่ตัวเองพึงพอใจแม้ว่ามันจะใช้เวลานานก็ตาม ผมกลัวว่าตัวเองจะดูเหมือนหยุดนิ่งหรือกำลังเข้าสู่ความเบื่อหน่าย ไม่ว่าสิ่งนั้นจะ “อินเทรนด์” หรือไม่ก็ตาม ผมก็ได้ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อยกระดับคุณภาพคอนเทนท์ของตัวเองแล้ว
Q. แล้วคุณคัมแบคตอนที่ตัวเองพอใจ 100% หรือเปล่า?
ชางมิน: เพลงป็อบไม่ใช่สิ่งที่คุณทำเพื่อให้ตัวเองพึงพอใจหรือปลอบประโลมตัวเองหรอกครับ ผู้ฟังควรเชื่อมโยงได้และชอบมันด้วย ถึงแม้ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่ได้ชอบมันผมก็ไม่เสียใจเลยครับ กลับรู้สึกโล่งใจมากกว่าที่แฟน ๆ คนที่ฟังเพลงจริง ๆ บอกว่าชอบมัน ผมรู้สึกขอบคุณมากสำหรับคำวิจารณ์ที่ว่า “นี่เป็นเพลงที่มีแค่ แม็กซ์ ชางมินเท่านั้นที่ทำได้ และมันก็เป็นเพลงที่ยอดเยี่ยมด้วย”
Q. ฉันได้สัมภาษณ์คุณโบอาและเราพูดอะไรที่มีความคล้ายคลึงกัน นั่นคือเราไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ในสังคมที่หลายหลายนี้ ถ้าหากคุณได้ทำเพลงที่ตัวเองมีความสุขและแฟน ๆ ชอบมันด้วย นั่นก็เพียงพอแล้ว
ชางมิน: เห็นด้วยทุกประการครับ
Q. คุณเป็นคนเขียนเนื้อเพลง “Devil” เอง มันสื่อออกมาราวกับว่าคุณได้พบคำตอบในบางสิ่งที่คุณกำลังต่อสู้ดิ้นรนอยู่ เนื้อเพลงบอกเล่าเรื่องราวของคุณที่ทำลาย ‘ปีศาจ’ ที่ตามหลอกหลอน ปีศาจตัวนั้นสำหรับคุณคืออะไร?
ชางมิน: ผมไม่มั่นใจว่าตัวเองเขียนเนื้อเพลงเก่งนะครับ ผมไม่รู้วิธีการแสดงสีสันของตัวเองผ่านบทเพลง หรือเสียงร้องแบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง หรือแม้แต่ ‘ตัวผม’ ที่พยายามแสดงออกมานั้นเกิดหยุดชงักไปทั้ง ๆ ที่ควรจะโชว์ให้เห็นว่าตัวเองกำลังก้าวไปข้างหน้าอยู่ นั่นคือปีศาจของผมครับ
Q. ฉันอ่านสัมภาษณ์หลายอันเลย คุณมักจะคิดอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นใคร และควรสื่อสารกับสาธารณชนอย่างไร ดูเหมือนว่าคุณยังคงคิดหาวิธีอยู่
ชางมิน: มันเป็นแบบนั้นครับ เป็นคำถามที่เกิดขึ้นตลอด
Q. ช่วงนี้คุณแอคทีฟบนยูทูบด้วย คุณไปปรากฏตัวในช่อง “Dr. Friends” and “354 channel” ที่ไม่ใช่ช่องของคนดัง คุณรู้สึกว่ามีอะไรที่แตกต่างไปจากการโปรโมตก่อนหน้านี้ไหม?
ชางมิน: ผมเลือกรายการที่จะไปออกเองทั้งหมดครับ เนื่องจากทุกวันนี้มีช่องทางที่หลากหลาย แต่ละคนสามารถมีบริษัทออกอากาศของตนเองได้ ผมอยากจะให้การโปรโมตนี้อยู่ในช่องทางที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง และแทนที่จะวิ่งตามตัวเลขผมอยากจะทำในสิ่งตัวเองชอบมากกว่า เหมือนว่าผมพูดอะไรแบบนี้ซ้ำซากนะแต่ผมไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะเห็นผมในด้านบวกเพียงอย่างเดียว ผมคิดว่าถ้าตัวเองไปออกรายการที่ชอบแล้วล่ะก็คนที่มีความชอบคล้าย ๆ กันคงสนใจในตัวผมมากขึ้นด้วย ผมอาจจะดูมั่นใจที่จะพูดนะ แต่ผมโปรโมตด้วยวิธีที่ที่เพิ่มความสัมพันธ์กับคนที่สนับสนุนและต้องการสื่อสารกับผมแบบสูงสุดเลยล่ะ
Q. คุณค่อนข้างแอคทีฟในรายการวาไรตี้เกี่ยวกับงานอดิเรกของคุณ ซึ่งก็คือการทำอาหาร คุณถ่ายรายการ “Bistro Shigor” เสร็จในเดือนมกราคม ตอนนี้มีแผนอะไรบ้าง?
ชางมิน: ถ้าได้รับโอกาสอีกผมก็อยากจะจริงจังกับมัน แต่ตอนนี้อยากจะให้เวลากับตัวเองครับ การทำแบบนี้เวลาไปออกรายการใดรายการนึงจะสามารถโชว์ความลึกซึ้งของตัวเองออกไปได้ ผมต้องโฟกัสไปที่เรื่องใดเรื่องนึงเพื่อเวลาที่คนได้ฟังเรื่องราว ได้ดูการกระทำ หรือเห็นการทำอาหารของผมจะมีความเชื่อถือกับมันครับ ผมคิดว่าทุกวันนี้คุณต้องจริงใจอย่างถ่องแท้จึงจะเข้าใจบางอย่างได้ มีคนชื่นชอบการทำอาหารอยู่มากมายก็เลยเกิดรายการที่คล้ายกันอยู่ทุกที – แต่ในจำนวนนั้น จะมีเฉพาะคนที่รักในการทำอาหารอย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงความหลงใหลของพวกเขาได้ ผมอยากเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นครับ
Q. นอกจาการทำอาหารแล้ว มีอะไรที่อยากเรียนรู้อีกบ้าง?
ชางมิน: คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นข้ออ้างเพื่อการดื่มนะ แต่ผมอยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างของแอลกอฮอล์ คิดว่าจะลองปีนี้แหละครับ
Q. คุณชื่นชอบไวน์มานานแล้ว ฉันเดาว่าตอนนี้คุณอยากศึกษาประวัติศาสตร์และสูตรของแอลกอฮอล์ประเภทต่าง ๆ ด้วย
ชางมิน: มีอะไรมากมายให้ผมได้เรียนเลยล่ะ ในฐานะคนบันเทิงผมรู้สึกขอบคุณที่งานยุ่งนะ แต่ถ้าต้องพูดอะไรที่ดูไม่ดีหน่อย ณ จุดหนึ่งก็จะบอกว่าผมต้องกระหายที่จะเรียนรู้เพื่อจะได้พัฒนาตัวเองต่อไป
Q. คุณบอกว่าตัวเองได้รับพลังจากการทำงานในฐานะผู้ให้บันเทิง แต่การทำแบบนั้นคุณต้องใช้เวลาหลายส่วนในชีวิตเลย นั่นหมายความว่าคุณต้องการเวลาเพื่อเติมเต็มส่วนที่ว่างเปล่านั้นหรือเปล่า? ดูเหมือนว่าเราจะต้องรอนานอีกซักนิดกว่ามินิอัลบั้มที่ 3 จะปล่อยออกมานะ
ชางมิน: ผมต้องหาเวลาสำหรับงานนอกพวกนั้น แล้วอัลบั้มผมก็ – ผมตั้งใจทำมาตลอดอยู่แล้ว
Q. ฉันได้ยินว่าคุณเขียนบันทึกและนั่นก็พัฒนาไปสู่เนื้อเพลง คุณชอบอะไรเกี่ยวกับการจดบันทึก แล้วทำให้มันกลายเป็นความอมตะในรูปแบบของเนื้อเพลง?
ชางมิน: ผมชอบที่ได้ใช้เวลาปล่อยอารมณ์ไปตามความรู้สึกในวันนั้นและปลอบโยนตัวเอง ผมไม่ใช่คนเจ้าระเบียบดังนั้นจึงไม่ได้ทำมันทุกวัน แต่พอค่อย ๆ เขียนไปก็จะสงบและนิ่งมากขึ้น รู้สึกว่าความคิดเป็นระเบียบมากขึ้นครับ
Q. ฉันว่านี่เป็นเสน่ห์ของการเขียนด้วยลายมือ การพิมพ์อาจจะเร็วกว่าแต่คุณจะมีเวลาคิดอีกครั้งเมื่อคุณเขียนด้วยลายมือ
ชางมิน: สังคมอยากให้คุณเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่ผมคิดว่าการใช้เวลาช่วยเรื่องภาวะอารมณ์ด้วยครับ
Q. เคยกลับไปอ่านเรื่องเก่า ๆ ไหม?
ชางมิน: บางครั้งครับ พออ่านแล้วก็รู้สึกว่ามันน่าอาย ดูเด็ก ดูปลอม แต่บุคลิกผมยังเหมือนเดิมนะครับ
Q. คุณเคยคิดว่า “ว้าว ไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองเคยคิดแบบนี้” บ้างไหม?
ชางมิน: มีบางความคิดเก่า ๆ ของผมค่อนข้างน่าสนใจครับ แต่ผมเชื่อว่าตัวเองจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ หากมองย้อนกลับไป
Q. แล้วในอนาคตคุณจะเขียนเนื้อเพลงต่อไปไหม ?
ชางมิน: ผมไม่มีความอยากที่จะเขียนเรื่องราวของตัวเองเป็นเนื้อเพลงขนาดนั้นหรอกนะครับ บางคนอาจจะบอกว่ายิ่งเนื้อเพลงมีความเป็นส่วนตัวมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งก้าวหน้าในฐานะศิลปินที่มีวิสัยทัศน์มากขึ้นเท่านั้น แต่มันไม่ได้ง่ายเลยที่มันจะเชื่อมโยงไปถึงคนอื่นตลอด และสิ่งเหล่านั้นก็กลายเป็นทั้งขาวกับดำ เหมือนคุณอยู่ข้างผมหรือมีด้านของตัวเอง พูดจริง ๆ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างประหม่าครับ เลยระวังนิดนึงที่จะเติมเต็มเพลงและเนื้อเพลงด้วยเรื่องราวส่วนตัวของตัวเองเพียงอย่างเดียว
Q. อัลบั้มนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องที่แตกต่างของ แม็กซ์ ชางมิน ไม่ใช่แค่ระหว่างเพลง แต่มีความต่างของเสียงร้องในเพลงนั้น ๆ ด้วย
ชางมิน: ตอนนี้ผมเบื่อมากเวลาฟังเพลง 3-4 นาทีแล้วมีแค่การใช้เสียงแบบเดียว เหมือนมี ต้นเพลง-กลางเพลง-จบเพลง รวมกันเป็นเพลงนึง ผมคิดว่าเสียงร้องควรมีไดนามิก (ความหนักเบา) จากเบาไปหาหนัก ไม่รู้ว่านี่เป็นคำอุปมาที่สมบูรณ์แบบหรือเปล่านะ คนเราชอบความเงียบสงบครับ ทะเลมีคลื่นลมสงบ แต่พวกเขาก็ได้ค้นพบว่าเรื่องราวที่คาดเดาไม่ได้ของทะเลนั้นน่าสนใจกว่าอีก เขายังชอบงานที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์มากกว่างานที่กลมกล่อมซึ่งมีเพียงแค่ความไร้เดียงสาและความสวยงาม
Q. เรื่องราวที่ประกอบไปด้วยการผจญภัย วิกฤตการณ์ และการตัดสินใจ
ชางมิน: ผมต้องโชว์ความหลากหลายด้วยครับ ต้องเรียนรู้เทรนด์ต่าง ๆ และเรื่องอื่น ๆ ที่ผมไม่รู้เพื่อการอยู่รอดที่ยาวนานในฐานะศิลปิน คุณพัคจินยองเคยพูดบางอย่างที่คล้ายกันก่อนหน้านี้ -เขามั่นใจว่าจะเป็นศิลปินต่อไปจนถึงวัย 60 ถ้าผมจะเป็นศิลปินเพลงป็อบแล้วล่ะก็ ผมมีหน้าที่ที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองต่อไป ทุกวันนี้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปเร็วมากบางทีมันก็ยากที่จะตามให้ทัน แต่ผมก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่นะ
Q. แม็กซ์ ชางมิน จะไม่หยุด
ชางมิน: เป็นทางเดียวที่จะอยู่รอดครับ ไม่ใช่เพื่อให้ทุกคนรักแต่ผมอยากให้เพลงของตัวเองยังคงมีการเคลื่อนไหวและพัฒนาต่อไป
Q. ในงานแถลงข่าว “Devil” คุณบอกว่า “ผมคิดมากเรื่องเหตุผลที่ว่าทำไมตอนนี้ถึงยังเป็นนักร้องอยู่ และจะเป็นไปนานขนาดไหน”
ชางมิน: ความคิดนี้มันชัดเจนมากกว่าแต่ก่อนซะอีกครับ เหตุผลที่ผมยังอยู่ตรงนี้คือแฟน ๆ ที่สนับสนุนและชื่นชอบเพลงของผม ถ้ามันไม่ใช่เพื่อพวกเขาแล้วล่ะก็ผมคงเลิกเป็นนักร้องโดยที่ไม่เสียใจอะไร แม้แต่ ณ เวลานี้ นี่ผมพูดแบบซอฟท์ที่สุดแล้วนะครับ บางคนได้ยินแล้วอาจจะคิดว่าผมไม่อยากเป็นนักร้องแล้วล่ะ แต่มันหมายถึงผมรู้สึกทั้งหมดในฐานะนักร้องที่ชื่อว่า แม็กซ์ ชางมิน นั้นมีอยู่ได้เพราะแฟน ๆ ผมเป็นนักร้องเพลงป็อบครับ – หากไม่มีแฟนคลับแล้วนั่นหมายความว่าชีวิตนักร้องของผมจบลงแล้ว และควรหยุดร้องเพลงซะ การมีอยู่ของคนที่สนับสนุนผมคือ… มันอาจจะดูเป็นการประจบประแจงนะครับ แต่ก็เหมือนกับหัวใจของผม หากไม่มีพวกเขาแล้วมันคงไม่ใช่การกล่าวเกินจริงที่จะบอกว่าชีวิตการเป็นนักร้องของผมมันจบสิ้นแล้ว แน่นอนว่าผมต้องเติบโตต่อไป ถ้าไม่มีใครอยากรู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมแล้ว นั่นหมายความว่าผมตามการเปลี่ยนแปลงและกระแสต่าง ๆ ไม่ทันและอยู่ในภาวะหยุดนิ่ง
Q. ไม่มีอะไรที่เป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวแต่พวกเขาก็รักคุณที่เป็นแบบนั้น – น่าทึ่งใช่ไหม? แม้ว่าบางคนจะมองข้ามมันไป
ชางมิน: เมื่อเวลาผ่านไปผมก็รู้สึกมากยิ่งขึ้นไปอีก แน่นอนว่ามีบางคนที่สนใจผมตอนที่ยังเป็นเด็กใหม่ การร้องเพลง การเต้นอะไรแบบนี้ แต่ความจริงที่ว่าแม้ภายนอกผมจะเปลี่ยนไปและสถานการณ์ของเราก็เปลี่ยนไป แต่การที่พวกเขายังสนับสนุนผมอย่างไม่เปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสิ่งมีค่ามาก ผมไม่ควรหลงไปกับความเคยชินจนลืมว่ามันมีค่าเพียงใด
Q. ยังมีอีกด้านหนึ่งของการเป็นผู้ให้ความบันเทิง
ชางมิน: มีสุภาษิตนึงบอกไว้ว่า “กบตายเพราะหินที่ขว้างโดยไม่ตั้งใจ”(t/n: เราแปลตรงตัวเลยนะคะ) ไม่ว่าผมจะถูกก้อนหินขว้างใส่ซักกี่ครั้งก็ไม่รู้สึกชินกับมันเลย ในขณะที่มีคนที่ชอบผมก็มีคนที่เกลียดผมโดยไม่มีสาเหตุด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปค้นหาคอมเมนต์พวกนั้นแต่บางทีก็ได้เห็นมันเองแบบช่วยไม่ได้ ความเคารพตัวเองลดลงและชีวิตก็รู้สึกเหมือนเจ็บปวด แต่ผมก็สามารถก้าวข้ามผ่านมันมาได้และคิดว่างานของผมนั้นเป็นสิ่งล้ำค่า ขอบคุณแฟนๆด้วยนะครับ
Q. คุณเคยพูดว่าอยากจะทำงานไปอีกในระยะยาว เหมือนสายฝนโปรยปราย ฉันสงสัยค่ะ เนื่องจากคุณทุ่มเทแพชชั่นไปตั้งแต่ยังเด็ก คุณไม่คิดหรอว่าพอโตขึ้นหรือตอนมีเวลาว่างก็อยากจะพักซักหน่อย?
ชางมิน: ผมรู้สึกดีที่สิ่งที่ผมชอบนั้นมันคืองานของผม แน่นอนว่ามีบางครั้งที่มันเครียดและอยากจะหนีมันไป ผมได้อะไรจากการทำงานเยอะแยะเลย มีผู้คนมากมายที่ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักแม้ว่าพวกเขาจะสุขสบายทางด้านการเงินอยู่แล้ว ผมไม่ได้บอกว่าตัวเองต้องการความรักหรือความสนใจมากมายในฐานะนักร้องยอดนิยมของยุคนี้หรอกนะ ที่ผมต้องการคือการมีส่วนร่วมอย่างมีเต็มที่ในงานของตัวเองไปอีกนาน ๆ รู้สึกขอบคุณที่ตัวเองมีงานที่เข้ากันได้กับสิ่งนั้น
Q. อีกความหมายนึง มันคืองานที่ไม่มีวันเกษียณ
ชางมิน: แม้ว่ามันจะเป็นงานที่ต่ำต้อยผมก็จะยังทำงานตลอด เพราะว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมครับ พวกเขาต้องพบเจอกับอารมณ์หลากหลายที่เกิดขึ้นในการทำงานและมนุษยสัมพันธ์ตรงนั้น ถ้าคุณใช้ชีวิตโดยปราศจากความกระหายเหล่านั้น… พูดแบบง่าย ๆ ก็คือแสดงว่าชีวิตคุณจบสิ้นแล้ว ผมไม่ได้บอกว่าตัวเองจะไปไล่ตามความดึงดูดเย้ายวนใจอะไรนะครับ แต่ผมต้องการทำงานหนัก ในขณะเดียวกันก็ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและเงียบสงบไปด้วย
Credit: Vogue Korea
English Translation: janietvxq
Thai Translation: fe_nikkusu (UKNOW2theMAX)